วิเคราะห์ 8 กลุ่ม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2019/20

ทราบกันไปเป็นที่เรียบร้อย สำหรับการจับสลากแบ่งกลุ่มศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ประจำฤดูกาล 2019/20 ที่มีขึ้นเมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ซึ่งสาวก “เดอะ ค็อป” ของทีมแชมป์เก่าอย่าง ลิเวอร์พูล คงจะพอยิ้มออก เพราะอยู่ในกลุ่มที่ไม่ลำบากนัก ขณะที่ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ รองแชมป์จากฤดูกาลที่แล้ว ต้องชนกับของแข็งอย่าง บาเยิร์น มิวนิค ส่วนสถานการณ์ทั้ง 8 กลุ่มจะเป็นเช่นไรนั้น เรามาวิเคราะห์กันดู พร้อมกับหาสองทีมในแต่ละกลุ่มที่จะคว้าตั๋วเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ทั้งนี้เป็นการอ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์กีฬาชื่อดังอย่าง bleacherreport.com

กลุ่ม เอ : ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (ฝรั่งเศส), เรอัล มาดริด (สเปน), คลับ บรูช (เบลเยียม), กาลาตาซาราย (ตุรกี)

แชมป์กลุ่ม – ต่อให้มีหรือไม่มี เนย์มาร์ อยู่ในทีม ครั้งนี้ถือว่า เปแอสเช มีดีพอที่จะปาดหน้า เรอัล มาดริด คว้าแชมป์กลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ “ราชันชุดขาว” ยังคงมีฟอร์มการเล่นที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ แถมสภาพทีมก็ไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนเดิม

รองแชมป์ – ต่อให้ไม่น่ากลัวเหมือนที่ผ่านมา แต่ถึงยังไง เรอัล มาดริด ภายใต้การนำทัพของกุนซือ ซีเนดีน ซีดาน ก็ไม่น่าจะพลาดเข้ารอบน็อกเอาท์ในฐานะทีมอันดับสอง

กลุ่ม บี : บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมนี), ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ (อังกฤษ), โอลิมเปียกอส (กรีซ), เร้ด สตาร์ เบลเกรด (เซอร์เบีย)

แชมป์กลุ่ม – การมาของ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ทำให้เกมรุกของ บาเยิร์น น่ากลัวขึ้นเป็นกอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำผลงานในเวทียุโรป ซึ่งในกลุ่มนี้การลุ้นแชมป์คงจะเป็นการฟาดฟันกันแค่ระหว่าง บาเยิร์น กับ สเปอร์ส และสุดท้ายคงจะเป็น “เสือใต้” ที่แกร่งกว่าและเก๋าเกมกว่า เข้าป้ายอันดับหนึ่งของกลุ่ม

รองแชมป์ – สเปอร์ส มักจะมีพลังพิเศษเสมอยามเตะบอลยุโรป และครั้งนี้พวกเขาก็น่าจะทำได้ดีอีกครั้ง

กลุ่ม ซี : แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (อังกฤษ), ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค (ยูเครน), ดินาโม ซาเกร็บ (โครเอเชีย), อตาลันต้า (อิตาลี)

แชมป์กลุ่ม – แทบไม่ต้องเป็นกังวลเลยสำหรับ แมนฯ ซิตี้ ในการคว้าแชมป์กลุ่ม และคงไม่เจองานที่ยากลำบากอะไรด้วย ต่อให้ต้องเดินทางไกลไปเตะที่ ยูเครน และ โครเอเชีย ก็ตาม

รองแชมป์ – แม้ได้เข้ามาเตะ แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร แต่ อตาลันต้า ชุดนี้สามารถสร้างเซอร์ไพรส์ได้เลย โดยเฉพาะแนวรุกอันดุดัน ซึ่งนำโดย ดูวาน ซาปาต้า, โยซิป อิลิซิช และ อเลฮานโดร โกเมซ

กลุ่ม ดี : ยูเวนตุส (อิตาลี), แอตเลติโก มาดริด (สเปน), ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น (เยอรมนี), โลโคโมทีฟ มอสโก (รัสเซีย)

แชมป์กลุ่ม – แอต. มาดริด สามารถเบียด ยูเวนตุส เป็นแชมป์กลุ่ม ด้วยการเล่นเกมรับที่แข็งแกร่ง แถมมี ชูเอา เฟลิกซ์ เป็นตัวทีเด็ดในเกมรุก เพราะฉะนั้นคงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร หากพวกเขาคว้าชัยด้วยสกอร์ 1-0 แบบรัวๆ พร้อมกับเข้าป้ายที่หนึ่ง

รองแชมป์ – ครั้งนี้อาจเข้าป้ายที่อันดับสอง แต่ “ม้าลาย” ยังคงเป็นหนึ่งในทีมเต็งแชมป์รายการนี้อยู่ดี ต่อให้ตำแหน่งกุนซือเปลี่ยนมาเป็น เมาริซิโอ ซาร์รี่ แล้วก็ตาม

กลุ่ม อี : ลิเวอร์พูล (อังกฤษ), นาโปลี (อิตาลี), ซัลซ์บวร์ก (ออสเตรีย), เกงค์ (เบลเยียม)

แชมป์กลุ่ม – ซีซั่นที่แล้วผ่านรอบแบ่งกลุ่มแบบหืดจับ ทว่าสุดท้าย ลิเวอร์พูล ก็ไปถึงตำแหน่งแชมป์ แถม ณ เวลานี้ “หงส์แดง” ภายใต้การนำทัพของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ พัฒนาไปไกลมาก และกลายเป็นทีมที่แข็งแกร่งสุดๆ ในทุกตำแหน่ง ดังนั้นการคว้าแชมป์กลุ่มคงไม่ใช่เรื่องยากลำบากสำหรับพวกเขา

รองแชมป์ – นาโปลี เสริมแกร่งได้น่ากลัวทีเดียวในช่วงซัมเมอร์นี้ โดยเฉพาะการมาของนักเตะอย่าง อีร์วิ่ง โลซาโน่ และ คอสตาส มาโนลาส ซึ่งคงไม่มีปัญหาสำหรับพวกเขาในการเข้ารอบน็อกเอาต์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2017

กลุ่ม เอฟ : บาร์เซโลน่า (สเปน), โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (เยอรมนี), อินเตอร์ มิลาน (อิตาลี), สลาเวีย ปราก (สาธารณรัฐเช็ก)

แชมป์กลุ่ม – นี่คือ “กรุ๊ป ออฟ เดธ” อย่างแท้จริง ซึ่งสามทีมใหญ่น่าจะสู้กันอย่างสูสี แต่ด้วยคุณภาพของทีม บวกกับการมีสามประสานแนวรุกอย่าง ลิโอเนล เมสซี่, อ็องตวน กรีซมันน์ และ หลุยส์ ซัวเรซ น่าจะทำให้ บาร์ซ่า คว้าแชมป์กลุ่มไปครอง

รองแชมป์ – อันดับสองคงเป็นการแย่งชิงกันระหว่าง ดอร์ทมุนด์ กับ อินเตอร์ ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็น “เสือเหลือง” ที่ได้เฮแบบฉิวเฉียด

กลุ่ม จี : เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก (รัสเซีย), เบนฟิก้า (โปรตุเกส), โอลิมปิก ลียง (ฝรั่งเศส), แอร์เบ ไลป์ซิก (เยอรมนี)

แชมป์กลุ่ม – อาจจะเป็นกลุ่มที่หลายคนไม่ค่อยให้ความสนใจ แต่ในทางกลับกัน นี่คือกลุ่มที่สูสีมากและคาดเดาได้ยาก แต่ ลียง ดูมีภาษีมากกว่าใครเพื่อน และอาจจะสร้างเซอร์ไพรส์ได้แบบเดียวกับที่ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ทำได้เมื่อฤดูกาลที่แล้ว

รองแชมป์ – ด้วยการที่มีเกมรับไม่แกร่งมาก นั่นอาจจะทำให้ ไลป์ซิก ได้ลุ้นแค่เข้ารอบต่อไปในฐานะรองแชมป์กลุ่ม

กลุ่ม เอช : เชลซี (อังกฤษ), อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม (ฮอลแลนด์), บาเลนเซีย (สเปน), ลีลล์ (ฝรั่งเศส)

แชมป์กลุ่ม – อาจจะไม่แกร่งเหมือนเมื่อก่อน แถมมีกุนซือมือใหม่อย่าง แฟร้งค์ แลมพาร์ด แต่ถึงยังไง เชลซี ก็ยังดูดีกว่าคู่แข่ง และน่าจะคว้าแชมป์กลุ่มได้

รองแชมป์ – แม้เสียแข้งกำลังสำคัญอย่าง มาต์ไตส์ เดอ ลิกท์ กับ เฟรงกี้ เดอ ยอง ไป แต่ อาแจ็กซ์ ยังคงเป็นทีมที่มีทีมเวิร์คดีมาก และน่าจะตาม เชลซี เข้ารอบต่อไปได้

Leave a Comment

Scroll to Top