วิเคราะห์หลังเกม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด – เชลซี

“ปีศาจแดง” เก็บสามแต้มประเดิมซีซั่นใหม่อย่างสวยหรู หลังเปิดบิ๊กแมตช์ไล่ถล่ม เชลซี ไปแบบขาดลอย 4-0 อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล และดาเนี่ยล เจมส์ หวดคนละเม็ด ก่อน มาร์คัส แรชฟอร์ด ตะบันคนเดียวสองประตู ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดเปิดสนาม เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

1. ต้นครึ่งแรกเป็นเชลซี ที่ต่อบอลได้ค่อนข้างดีกว่า และมีโอกาสซัดชนเสาก่อนแต่ยังไม่ได้ประตูบวกกับมีโอกาศได้ลุ้น สองสามจังหวะหน้าปากประตูแมนยูแต่ก็สำเร็จโทษไม่ได้ กลายเป็นแมนยูได้ประตูขึ้นเร็วจากการได้จุดโทษ  เคริ์ต ซูม่า ทำฟาล์ว มาร์คัส แรชฟอร์ด ในกรอบเขตโทษ และเป็น มาร์คัส เองที่ลุกขึ้นมาสังหารจุดโทษเอง ไม่พลาดยิงไปทางขวามือ เกอิป้า ชนิดเข้าหน้าต่าง หมดสิทธิ์ป้องกัน ขึ้นนำ 1-0 ทั้งที่รูปยังค่อนข้างขาดๆเกินๆ หมดครึ่งแรกเลยจบที่สกอร์  1-0 เจ้าบ้านขึ้นนำ

2. เริ่มต้นครึ่งหลังมาเกมส์พลัดกันรุกพลัดกันรับ ดวลกันที่กองกลางและเป็นแมนยู ได้ประตูขึ้นนำ จากจังหวะการเปิดของ เปย์เรร่า ครอสใส่ช่องระหว่าง คริสเตียนเซ่น กับ เกอิป้า  บอลหลุดมาถึง มาเทียว ชิงจังหวะสอดมาแป 2-0 นาทีที่ 65  และระหว่างที่เชลซีกำลัง งุนงงกันอยู่ ป็อกบา วางบอลยาวข้ามหัวกองหลังเชลซี เป็น แรชฟอร์ด หลุดไปยิงสวน เกอิป้า ขึ้นนำ 3-0 ในสองสาทีต่อมา  โดนนำ 3-0 เชลซี เปลี่ยนตัวใหม่ลงมาแต่ก็ยังทำไรแมนยูไม่ได้ แมนยูเริ่มคุมจังหวะดีขึ้น และได้อีกประตูจากจังหวะเคาเตอร์ขึ้นมา ป็อกบา จ่ายฉีกทางขวาให้ เจมส์ ยิงแฉลบเข้าประตูได้ แมนยูนำ 4-0 นาทีที่ 81

3. จุดเปลี่ยนของเกมส์คือจังหวะ แมนยูได้ประตูขึ้นนำ 3-0 จาก แรชฟอร์ดทำให้เกมส์เชลซีผ่อนลงไปเยอะเหมือนว่าลูกทีมของ แฟรงค์ แลมพาร์ท ค่อนข้างอืด แล้วพวกตัวเปลี่ยนตัวลงมาใหม่อย่าง พูลิซิส กับ ก็องเต้ ก็ช่วยเร่งจังหวะของทีมไม่ขึ้นติดๆขัดๆ เหมือนขาด อาเดน ฮาซาด   แล้วทำเกมส์ไม่ได้ตัวใหม่ที่ซื้อมาก็ยังเล่นกันไม่เข้าขากัน   จังหวะที่ยิงเกือบทั้งหมดของเชลซีไม่ติดเซฟของ เด เกอา ก็ติดเสาช่วยตลอดเกมส์นี้เชลซียิง 13 ครั้ง ตรงกรอบไป 7 ครั้ง
แมนยูยิง 6 ครั้ง เข้ากรอบ 5
เชลซีได้เปอร์เซนต์การครองบอลเยอะกว่า  57 ต่อ 43

4. แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ตัดสินยากระหว่าง ป็อกบา แรชฟอร์ด แม็คโทมิเน่ย์ บิสซาก้า และ เด เกอา  ส่วนตัวให้ เด เกอา เพราะวันนี้ได้ปลอกแขนกัปตันทีมด้วย ภาพรวมก็ดี เก็บ คลีนชีตได้อีก

Leave a Comment

Scroll to Top